กองทัพเรือจัดงานรำลึกวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ปีที่ 127

วันที่ 13 กรกฎาคม 2563 พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีสดุดีวีรชนในวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ณ บริเวณลานหน้า พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 ป้อมพระจุลจอมเกล้า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับ เหตุการณ์ ร.ศ.112 ตรงกับปีพุทธศักราช 2436 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยในช่วงนั้นชาติตะวันตกได้เข้ามามีอิทธิพลสำคัญทางแถบเอเชีย โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญ คือการแสวงหาอาณานิคม ประเทศต่าง ๆ เช่น ญวน เขมร ลาว ตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส ส่วนพม่าและมลายูตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ สำหรับประเทศไทย ได้ถูกชาติมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสเข้ามารุกราน

โดยในวันที่ 13 กรกฎาคม พุทธศักราช 2436 เรือรบฝรั่งเศส 2 ลำ คือเรือสลุปแองคองสตังค์ และเรือปืนโคแมต ได้รุกล้ำสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามายังกรุงเทพฯ และได้เกิดการปะทะกับฝ่ายไทย ทั้งหมู่ปืนที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า และเรือรบไทยที่จอดอยู่เหนือป้อมพระจุลจอมเกล้า จำนวน 9 ลำ ผลปรากฏว่า เรือแองคองสตังต์ และเรือโคแมต ที่ได้รับความเสียหายบางส่วน สามารถตีฝ่าแนวป้องกันที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาได้จนถึงกรุงเทพฯ และเทียบท่าอยู่ที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส โดยมีทหารประจำเรือเสียชีวิตรวม 3 นาย และเรือนำร่องถูกยิงเกยตื้นอยู่ริมฝั่ง ส่วนฝ่ายไทยเรือที่ได้รับความเสียหายจากกระสุนปืนใหญ่จากฝ่ายตรงข้าม จำนวน 4 ลำ

ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าวไทยกับฝรั่งเศสก็ได้ยุติการสู้รบกันเกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องเขตแดนทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง และเป็นเหตุให้ไทยเราต้องเสียดินแดนแก่ฝรั่งเศสเป็นจำนวนมาก โดยที่ไม่มีทางจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการดำรงไว้ซึ่งเอกราช ประกอบด้วยดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง อันได้แก่ ประเทศลาวปัจจุบัน ในพื้นที่เมืองหลวงพระบาง เมืองเวียงจันทน์ และอาณาเขตนครจำปาศักดิ์ตะวันออก ตลอดจนบรรดาเกาะแก่งต่าง ๆ ในแม่น้ำโขง คิดเป็นพื้นที่ 143,000 ตารางกิโลเมตร

เหตุการณ์ในครั้งนั้น ยังความโทมนัสและเสียพระราชหฤทัยแก่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอันมาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพิจารณา เห็นว่าการว่าจ้างชาวต่างประเทศเป็นผู้บังคับการเรือ และป้อมนั้นไม่เป็นหลักประกันพอที่จะรักษาประเทศได้ สมควรที่จะต้องบำรุงกำลังทหารเรือไว้ป้องกันภัยด้านทะเล และต้องใช้คนไทยทำหน้าที่แทน ชาวต่างประเทศทั้งหมด และการที่จะให้คนไทยทำหน้าที่แทนชาวต่างประเทศได้นั้นต้องมีการศึกษาฝึกหัดเป็นอย่างดีจึงจะใช้การได้ จึงทรงส่งพระเจ้าลูกยาเธอหลายพระองค์ออกไปศึกษาวิชาการทั้งในด้านการปกครอง การทหารบก การทหารเรือ และอื่น ๆ ในทวีปยุโรป รวมทั้งได้ทำการฝึกนายทหารเรือไทย เพื่อปฏิบัติงานแทนชาวต่างประเทศตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้กิจการทหารเรือมีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศตราบจนปัจจุบัน

พิธีวางศิลาฤกษ์อาคารอเนกประสงค์พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ (แห่งใหม่)

     พลเรือเอก นวพล ดำรงพงศ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารอเนกประสงค์พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ (แห่งใหม่) ณ บริเวณพื้นที่โรงจอดรถกองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร      พิพิธภัณฑ์ของกองทัพเรือได้เริ่มมีขึ้น เมื่อ พ.ศ.2485 ซึ่งเริ่มแรกเป็นเพียงขั้นตอนรวบรวมวัตถุพิพิธภัณฑ์ ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี จากที่ต่างๆ ในกองทัพเรือ นำมาสงวนรักษาไว้ ที่อาคารราชนาวิกสภาชั้นล่าง ตรงข้ามท่าราชวรดิฐ ต่อมาในปี พ.ศ.2501 ได้ย้ายพิพิธภัณฑ์ทหารเรือไปอยู่ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า จนกระทั่ง พ.ศ.2515 ได้ย้ายพิพิธภัณฑ์ทหารเรือไปอยู่ที่ ตำบลปากน้ำ จังหวัดสมุทรปราการ จนถึงปัจจุบัน แต่เนื่องจากการจัดแสดงนิทรรศการมีสภาพเก่าและอยู่ไกลจากกองบัญชาการกองทัพเรือ ประกอบกับมีโครงการย้ายกองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ ไปยังพื้นที่บางนา โดยพื้นที่กองเรือลำน้ำเดิมมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ กองทัพเรือจึงเล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ และได้ทำโครงการย้ายพิพิธภัณฑ์ทหารเรือมายังพื้นที่พระนิเวศน์ซึ่งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง อาคารอเนกประสงค์พิพิธภัณฑ์ทหารเรือแห่งใหม่นี้ เป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่ใช้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ สามารถจัดแสดงนิทรรศการ จัดการประชุม และจัดกิจกรรมอื่นๆ ได้ทำให้พิพิธภัณฑ์ทหารเรือแห่งใหม่นี้มีความสมบูรณ์เป็นแหล่งการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน นักศึกษา และประชาชน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ

Read More »

เปลี่ยนโฉมเรือขนสินค้ารุ่นดึกเป็นเรือ “ซูเปอร์ยอช์ท” 62 ล้านดอลล์

     โลกกำลังจะได้รู้จักกับเรือยอช์ทสุดหรูตระการตาที่สร้างจากอดีตเรือขนส่งสินค้ายักษ์ขนาด 270 ฟุต ผลงานการดีไซน์ใหม่หรูหราทำให้เรือ Kilkea สามารถเป็นพาหนะที่เดินทางรอบโลกได้พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกนานหลายสัปดาห์ ขณะนี้เรือกำลังสร้างอยู่ที่อู่ต่อเรือในประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทนอร์เวย์เป็นเจ้าของ      สุดยอดเรือยอช์ทลำใหม่ของโลกมูลค่า 62 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ  2.1 พันล้านบาทนี้ถูกตั้งชื่อว่าคิลเคีย (Kilkea) เป็นเรือสำราญที่สร้างจากการนำเรือขนส่งสินค้าเก่าแก่ซึ่งมีรูปแบบเรือเรียกว่า Vard 1/08 มาปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ ด้วยความที่เรือลำนี้เคยถูกใช้ขนส่งสินค้าสู่แท่นเจาะน้ำมัน ทำให้เรือมีโครงสร้างห้องเก็บสินค้าขนาดใหญ่ และสามารถแล่นได้นานต่อเนื่องมากกว่า 30 วัน      เรือลำนี้มีห้องมากพอสำหรับผู้โดยสาร 36 คน ด้านหลังของเรือมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ โครงเหล็กตัวเรือมีความยาวมากกว่า 268 ฟุต สามารถแล่นได้ด้วยความเร็วสูงสุด 15.4 น็อต (knot)      ผู้รับหน้าที่ออกแบบปรับโฉมเรือหรูนี้คือบริษัท Bannenberg & Rowell Design ซึ่งใช้วิธีเพิ่มจำนวนชั้น ทำให้สามารถใส่สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสระว่ายน้ำ รวมถึงสนามฟุตบอลได้อย่างยืดหยุ่น

Read More »
พิธีเปิดปฏิบัติการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

บริษัท เอ. แอนด์ มารีน (ไทย) จำกัด ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างความปลอดภัยทางทะเล ในเขตท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด

วันศุกร์ ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2565 การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยสำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จัดพิธีเปิดปฏิบัติการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และสร้างความปลอดภัยทางทะเล ในเขตท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ณ บริเวณท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (MIT) ถนน ไอ-เจ็ด ตำบลมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยองมี รศ.ดร.วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นประธานในพิธี พร้อมพนักงานการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แขกผู้มีเกียรติ คณะผู้บริหาร บริษัท เอ. แอนด์ มารีน (ไทย) จำกัด และสื่อมวลชนร่วมงานภายในงานมีการแสดงการเก็บขยะ ล้อมบูมกักคราบน้ำมัน และฉีดน้ำดับเพลิง ด้วยเรือรักษ์นที ซึ่งเพิ่งสร้างขึ้นใหม่เป็น เรือเก็บขยะ ขจัดคราบน้ำมัน และดับเพลิง ขนาดความยาว 40 ฟุตพร้อมอุปกรณ์ โดย อู่ต่อเรือ บริษัท เอ. แอนด์ มารีน (ไทย) จำกัด

Read More »