เรือหลวงสุโขทัย อับปางกลางทะเล

วันที่ 18 ธันวาคม 2565 เรือหลวงสุโขทัย ประสบเหตุคลื่นลมแรงอับปางกลางทะเล จ.ประจวบคีรีขันธ์  ขณะเดินทางเพื่อร่วมพิธี 100 ปี การสิ้นพระชนม์ของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรือหลวงสุโขทัยนั้น ตัวเรือมีอาการเอียงจากคลื่นลมแรง หลังเกิดคลื่นลมแรงและพัดน้ำเข้าเรือเป็นจำนวนมาก จนทำให้เครื่องไฟฟ้าดับและส่งผลให้เครื่องจักรใหญ่หยุดทำงาน เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ และทำให้น้ำเข้าภายในตัวเรืออย่างรวดเร็วจนทำให้เรือเอียงมากขึ้นในเวลาต่อมา ก่อนจะอับปางกลางอ่าวไทย

สำหรับ ร.ล.สุโขทัย เป็นเรือคอร์เวต สร้างโดย TACOMA BOATBUILDING COMPANY ประเทศสหรัฐอเมริกา ชื่อเดิมคือ RTN 252 FT PSMM MK-16#446 เป็น 1 ใน 2 ลำของชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย ร.ล.รัตนโกสินทร์ หมายเลขเรือ 441 และ ร.ล.สุโขทัย หมายเลขเรือ 442 ทั้ง 2 ลำ เป็นเรือที่ได้รับการติดตั้งระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ และระบบอำนวยการรบที่ทันสมัยมีขีดความสามารถและประสิทธิภาพสูง พร้อมปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติในเวลาเดียวกัน คือ ป้องกันภัยทางอากาศ สงครามผิวน้ำ และสงครามปราบเรือดำน้ำ

ภารกิจหลักของ ร.ล.สุโขทัย คือ การปราบเรือดำน้ำ ลาดตระเวนตรวจการณ์ คุ้มกันกระบวนเรือ สนับสนุนการยิงฝั่ง รวมถึงสนับสนุนภารกิจอื่นๆ ของกองทัพเรือ มีขนาดกว้าง 9.6 เมตร ยาว 76.7 เมตร สูง 26.82 เมตร น้ำลึกหัว 3.81 เมตร ท้าย 3.07 เมตร โดมโซนาร์ 4.5 เมตร ภายในเรือ ติดตั้ง ปืน 76/62 มม. 1 กระบอก ปืน 40L70 มม. แท่นคู่ 1 กระบอก ปืน 20 มม. 2 กระบอก นอกจากนั้นยังติดตั้ง ท่อตอร์ปิโด 2 แท่น MK32 MOD5 (6 ท่อยิง) เป็นอาวุธปราบเรือดำน้ำขณะเดียวกันยังติดตั้ง ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-พื้น แบบ HARPOON BLOCK 1C 2 แท่น (8 ท่อยิง) ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น-สู่-อากาศ แบบ ALBATROS 1 แท่น (8 ท่อยิง ASPIDE 2000) ระบบตรวจการณ์ยังประกอบด้วย เรดาร์พื้นน้ำ SPERRY VISION MASTER FT เรดาร์พื้นน้ำ FURUNO เรดาร์พื้นน้ำ SCOUT เรดาร์อากาศ DA05 ฯลฯ

สำหรับ “เรือหลวงสุโขทัย” หรือ ร.ล.สุโขทัย เข้าประจำการเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530 และอับปางจมสู่ท้องทะเล เมื่อวันที่ 18  ธันวาคม 2565 รวมระยะเวลาประจำการ 35 ปี

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสมาคมความปลอดภัยทางน้ำ

     “คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล” คำพังเพยโบราณที่สะท้อนธรรมชาติของท้องทะเลโดยทั่วไป ซึ่งมีความไม่แน่นอนสูง อาจเกิดการแปรเปลี่ยนสภาพแบบผลิกผันขึ้นเมื่อใดก็ได้ จากสภาพคลื่นสงบทะเลเรียบ กลายเป็นความปั่นป่วนจากพายุใหญ่ได้ในเวลาอันสั้น อาจก่อให้เกิดมหันตภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ชนิดตั้งรับแทบไม่ทัน ถ้าผู้เกี่ยวข้องขาดความรู้ความเข้าใจรวมทั้งการเตรียมการตั้งรับที่ดีพอ      ด้วยตระหนักในความจริงดังกล่าวข้างต้น จึงเกิดการรวมตัวกันของผู้ที่ห่วงใยในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในทะเล รวมทั้งในแม่น้ำลำคลองโดยทั่วไปด้วย ซึ่งเท่าที่ผ่านมาได้เกิดความสูญเสียจากภัยพิบัติสารพัดแบบ สาเหตุหลักประการหนึ่งก็คือ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดความรู้พื้นฐานในการป้องกันภัยล่วงหน้า รวมทั้งมาตรการในการแก้ไขเมื่อภัยมา สมาคมความปลอดภัยทางน้ำจึงได้ก่อกำเนิดขึ้น เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 โดยมี พลเรือเอก ไพโรจน์ แก่นสาร เป็นนายกสมาคม ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 1122 หมู่ที่ 6 ถ.ท้ายบ้าน ต.ท้ายบ้าน อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ      สำหรับวัตถุประสงค์หลักของสมาคมพอสรุปได้ว่า เป็นองค์กรที่เผยแพร่ความรู้และฝึกอบรมเกี่ยวกับความปลอดภัยทางน้ำ ทั้งในด้านการป้องกันและแก้ไข ร่วมงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำ ตามโอกาสและศักยภาพที่มีอยู่ เป็นศูนย์รวมการศึกษาค้นคว้า

Read More »

การประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล.ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2564

วันที่ 14 ธันวาคม 2563 พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ และรองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) มอบหมายให้ พลเรือเอกธีรกุล กาญจนะ เสนาธิการทหารเรือ/เลขาธิการ ศรชล.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล.ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ 2564 ณ โรงแรม อวานี พลัส ริเวอร์ไซด์ ถนนเจริญนคร เขตธนบุรี กรุงเทพฯ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย คณะกรรมการบริหาร ศรชล. ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยงานระดับอธิบดีรวม 26 คน และผู้บังคับบัญชาของ ศรชล.ทั้งในส่วนกลางและส่วนของ ศรชล.ภาค  โดยภายหลังการประชุม พลเรือเอก ชาติชาย  ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ซึ่งติดภารกิจด่วนได้เดินทางมาร่วมถ่ายภาพและเป็นสักขีพยานกับ คณะกรรมการบริหาร ศรชล. ตลอดจนหัวหน้าส่วนราชการและผู้แทน ศรชล.ที่เข้าร่วมประชุม การประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล.ในครั้งนี้

Read More »

‘เรือหลวงหลีเป๊ะ’ หนุนภารกิจเรือรบช่วยเหลือภัยพิบัติชายฝั่ง

     เรือหลวงหลีเป๊ะ หมายเลข 858 เป็นเรือลากจูงที่ต่อขึ้น เพื่อทดแทนเรือเก่า โดยกองทัพเรือว่าจ้าง บริษัท อิตัลไทย มารีน จำกัด ดำเนินการต่อเรือลากจูงขนาดกลาง จำนวน 2 ลำ คือ เรือหลวงหลีเป๊ะ และเรือหลวงปันหยี ที่ได้มีการรับมอบไปก่อนหน้านี้ เพื่อสนองภารกิจ ในการสนับสนุนนำเรือรบขนาดใหญ่ เข้า-ออกจากท่าเทียบเรือ ตลอดจนสนับสนุนการดับเพลิงให้กับท่าเรือต่างๆ การขจัดคราบน้ำมัน การลากเป้าฝึกยิงอาวุธ และสนับสนุน ภารกิจเรือดำน้ำในอนาคต      สมรรถนะเรือได้มีการออกแบบโดย บริษัท Robert Allan Ltd.,Naval Architects and Marine Engineering ประเทศแคนาดา ตัวเรือมีความแข็งแรงทนทาน มีกำลังดึงไม่น้อยกว่า 53 เมตริกตัน และวงหันหมุนรอบตัวเอง 360 องศา ความยาวตลอดลำ 32 เมตร

Read More »