ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีรับมอบเรือหลวงช้าง ณ อู่ต่อเรือหูตงจงหัว สาธารณรัฐประชาชนจีน

พิธีรับมอบเรือหลวงช้าง

วันที่ 17 เมษายน 2566 พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมด้วย นางจตุพร ชมเชิงแพทย์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ และคณะ เป็นประธานในพิธีรับมอบ เรือหลวงช้าง เรือยกพลขึ้นบก ลำใหม่ของกองทัพเรือ ณ อู่ต่อเรือหูตงจงหัว สาธารณรัฐประชาชนจีน

กองทัพเรือได้จัดหาเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่ เข้า ประจำการในกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ เพื่อทดแทนเรือยกพลขึ้นบกลำเก่า (เรือหลวงช้างลำที่ 2) ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือระยะ 20 ปี พ.ศ.2560-2579 ซึ่งกำหนดความต้องการเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ไว้ จำนวน 4 ลำ เพื่อใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือ อากาศนาวี หน่วยกำลังต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยกำลังนาวิกโยธิน และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ตั้งแต่ในภาวะปกติ โดยมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียงและเป็นเรือบัญชาการ และการสนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือและกู้ภัยเรือดำน้ำ และการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ

ปัจจุบันกองทัพเรือ มีจำนวนเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ไม่เพียงพอตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้มีขีดความสามารถเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่กำหนด ทั้งนี้ตามระเบียบของกองทัพเรือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือรบ ตามประเภทของเรือ โดยในส่วนของเรือยกพลขึ้นบก กำหนดให้ตั้งชื่อตามเกาะต่างๆ ในประเทศไทย โดยเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่นี้ ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า “เรือหลวงช้าง” (เกาะช้าง จ.ตราด)

สำหรับเรือหลวงช้าง ดำเนินการจัดสร้าง โดยบริษัท Chaina Shipbuilding Trading จำกัด ณ อู่ต่อเรือหูตงจงหัว เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งได้รับการปรับปรุงและพัฒนาแบบมาจากเรือ LPD Type 071 ที่ประจำการในกองทัพเรือจีน ใช้ระยะเวลาในการสร้างเรือ ประมาณ 4 ปี โดยมีกำหนดเดินทางออกจากสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 18 เมษายน 2566 และจะเดินทางถึงประเทศไทย ในวันอังคารที่ 25 เมษายน 2566

ประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 1/2566

ประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล

วันที่ 10 มีนาคม 2566 พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ /รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล. ) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 1/2566

ณ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา จ.ชลบุรี โดยมี พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ ในฐานะเลขาธิการ

ศรชล. ตลอดจนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนหน่วยงานหลัก 7 ศรชล. ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตํารวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ร่วมประชุม สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมรูปแบบสัญจรครั้งแรกของปี 2566 ตามนโยบายผู้บังคับบัญชา ศรชล.

ประชุมได้มีการหารือถึงแนวทางขับเคลื่อนงานร่วมกันของหน่วยงานหลักใน ศรชล.ทั้ง 7 หน่วยงาน โดย ศรชล. ได้เสนอร่างแผนการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ระยะ 5 ปี พ.ศ. 2566 – 2570 ที่มี 4 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย กลยุทธ์ 1 การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับการดำเนินการด้านความมั่นคงทางทะเล มุ่งเน้นการบูรณาการด้านความมั่นคง กลยุทธ์ 2 การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืนภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจ

สีน้ำเงิน มุ่งเน้นการบูรณาการด้านเศรษฐกิจ กลยุทธ์ 3 การบริหารจัดการองค์ความรู้ทางทะเล และการสร้างความตระหนักรู้ความสำคัญของทะเล มุ่งเน้นการบูรณาการหน่วยงานทางทะเล และกลยุทธ์ 4 การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพเกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมทางทะเล และด้านการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล มุ่งเน้นการบริการประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบตามขั้นตอน

การตรวจประเมินประเทศสมาชิกองค์การทางทะเลระหว่างประเทศภาคบังคับ นำพาณิชยนาวีไทยสู่มาตรฐานสากล

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดการตรวจสอบประเทศสมาชิกของ IMO พร้อมด้วย ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รักษาการอธิบดีกรมเจ้าท่า ผู้บริหารกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกรมเจ้าท่า ณ ห้องประชุมวิสูตรสาครดิษฐ์ ชั้น 4 อาคาร 162 ปี กรมเจ้าท่า

ในโอกาสที่คณะผู้ตรวจประเมินจาก lMO ได้มาทำการตรวจประเมินประเทศไทยในโครงการตรวจสอบประเทศสมาชิกองค์การทะเลระหว่างประเทศภาคบังคับ (Member State Audit Scheme: IMSAS) โดยประเทศไทยเป็นสมาชิกขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ซึ่งเป็นทบวงการชํานัญพิเศษของสหประชาชาติ ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและประสานงานเพื่อส่งเสริมระดับมาตรฐานสำหรับความมั่นคงปลอดภัยของการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ โดยโครงการตรวจสอบประเทศสมาชิกฯ มีพัฒนาการมาจากโครงการภาคสมัครใจ (Voluntary IMO Member State Audit Scheme: VIMSAS)

ทั้งนี้ ในฐานะที่ประเทศไทยมีบทบาทเป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO ซึ่งประเทศไทยได้รับการสนับสนุนและเป็นกลุ่มประเทศแรก ที่เข้าร่วมโครงการภาคสมัครใจ โดยประเทศไทยได้มีการปรับปรุงกระบวนการภายในอย่างบูรณาการร่วมกัน กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การอนุวัติการตามพันธกรณีของ IMO มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับ IMO จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยจะได้แสดงความมุ่งมั่นที่มีต่อ IMO ในการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านการขนส่งทางน้ำ ผ่านเวที IMSAS โดยมุ่งหวังว่า ข้อเสนอแนะจากคณะผู้ตรวจประเมินซึ่งมีความเชี่ยวชาญ จะช่วยปรับปรุงระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางน้ำของประเทศไทย ตลอดจนการบรรลุเป้าหมายร่วมกันของสมาชิก IMO ในการขนส่งระหว่างประเทศที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป

ศรชล.เดินหน้าขจัดปัญหา‘โพงพาง-ลอบพับ’ทะเลสาบสงขลา  ยึดโยงแผนความมั่นคงชาติ ปี 2566 – 2570/ ปฏิบัติตาม ‘พรบ.อุ้มหาย’

วันที่ 19 มิถุนายน 2566 ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ศรชล. ครั้งที่ 2/2566 โดยมี พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ รอง ผอ.ศรชล. เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วย พลเรือเอก ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ/เลขาธิการ ศรชล. คณะกรรมการบริหาร ศรชล. ผู้แทนหน่วยงานหลัก 7 ศร ใน ศรชล. ประกอบด้วย กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า กรมประมง กรมศุลกากร กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองบังคับการตำรวจน้ำ และกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมลากูน่า แกรนด์ โฮเทล แอนด์ สปา อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา

สำหรับการประขุม ศรชล. สัญจรครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ของปี 2566 โดยจัดในพื้นที่ ศรชล.ภาค 2 ซึ่งที่ประชุมได้หารืออย่างกว้างขวางในหลายวาระ นอกจากนี้ที่ประชุม ยังมีการหารือถึงแนวทางการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 โดย กรมคุมครองสิทธิและเสรีภาพ ได้มีหนังสือแจ้งแนวทางการปฏิบัติที่ส่งผลกระทบให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย รวมถึง

ศรชล. ต้องดำเนินการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องในขณะจับและควบคุม จนกระทั่งส่งตัวให้พนักงานสอบสวนหรือปล่อยตัว อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2566 ทาง สำนักสืบสวนสอบสวนและกฎหมาย ศรชล. ได้เชิญวิทยากรจาก กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มาบรรยายและให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยงานต่างๆ ใน ศรชล. เพื่อให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นรูปธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ทั้งนี้ “ศรชล. นับเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาค เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศชาติและประชาชน”