โดยเรือแบบใหม่นี้เป็นเรือแบบ Catamaran ท้องเรือจะโปร่ง วัสดุตัวเรือทำด้วยอะลูมิเนียม มีการออกแบบที่ก่อให้เกิดคลื่นน้อย และประหยัดพลังงาน มีความสะดวกสบายและทันสมัย มีความปลอดภัย มีระบบติดตามเรือ (GPS) และระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลในเบื้องต้น บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยาจะสร้างเรือจำนวน 6 ลำ เพื่อให้บริการตั้งแต่ท่าเรือพระนั่งเกล้า ถึงท่าเรือสาทร ให้บริการรับส่งผู้โดยสารจำนวน 10 ท่าเรือ ซึ่งเป็นท่าเรือมีระบบขนส่งเชื่อมต่อทางราง เช่น ท่าเรือพระนั่งเกล้า (รถไฟฟ้าสายสีม่วง) ท่าเรือบางโพ (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) ท่าเรือราชินี (รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน) และท่าเรือสาทร (รถไฟฟ้าสายสีเขียว) ซึ่งระยะเวลาเรือโดยสารรูปแบบใหม่จะให้บริการเดินเรือตั้งแต่เวลา 06.30 – 19.00 น. จำนวน 44 เที่ยว/วัน ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 20-30 นาที /เที่ยว ซึ่งสามารถประหยัดเวลาเดินทางจากท่าเรือต้นทางถึงท่าเรือปลายทาง จากปกติใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเส้นทางปกติภายในปี 2562 นี้
กรมเจ้าท่า เปิดตัวตัว “เรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของไทย”
พร้อมผลักดันการท่องเที่ยวสีเขียว เตรียมพัฒนาเรือพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่อง วันที่ 5 สิงหาคม 2563 กรมเจ้าท่าถือโอกาสวันพิเศษ วันคล้ายวันสถาปนากรมเจ้าท่า ครบรอบ 161 ปี เปิดตัวเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลในกลุ่มผลิตภัณฑ์เรือท่องเที่ยวไฟฟ้า ‘บ้านปูเน็กซ์ อีเฟอร์รี่’ (BanpuNext e-Ferry) ซึ่งกรมเจ้าท่าจดทะเบียนเป็นเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าทางทะเลลำแรกของประเทศไทย ชูนวัตกรรมเรือพลังงานสะอาดมาตรฐานสากล โดยผ่านมาตรฐานการรองรับตามข้อบังคับของกรมเจ้าท่า ทั้งด้านวัสดุอุปกรณ์ประจำเรือ และระบบความปลอดภัยต่างๆ ล้ำสมัยด้วยเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ศักยภาพสูง ตัวเรือมีขนาดความยาว 20 เมตร ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ ด้วยความเร็วสูงสุดกว่า 17 นอต โดยออกแบบวางจุดแบตเตอรี่ให้อยู่กลางลำเรือ เพื่อรองรับการสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์ต่างๆ สามมารถรองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 90 คน คาดการณ์ว่าหากนำเรือท่องเที่ยวไฟฟ้าลำนี้ไปให้บริการนักท่องเที่ยวตามเส้นทางที่กำหนดเป็นระยะเวลา 1 ปี จะช่วยลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิงได้ถึง 26,250 ลิตร โดยจะนำร่องในเส้นทางท่องเที่ยวภูเก็ต – อ่าวพังงาเป็นที่แรก ตั้งเป้าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการท่องเที่ยวของคนยุคใหม่ที่ สะอาด ปลอดภัย รักษ์โลก และสนับสนุนอุตสาหกรรมเรือไฟฟ้าให้เติบโตอย่างยั่งยืน นับเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานระบบขนส่งทางน้ำ