พิธีวางกระดูกงูเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่2

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงวางกระดูกงูเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ลำที่ 2 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ ในวันศุกร์ที่ 23 มิถุนายน 2560 ณ อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช กรมอู่ทหารเรือ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

     ทั้งนี้ โครงการสร้างเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 เฉลิมพระเกียรติฯ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนากำลังรบตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล การรักษากฎหมายในทะเล และการปฏิบัติการรบผิวน้ำ รวมทั้งการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล และสนับสนุนการปฏิบัติการทางเรืออื่น ๆ

คุณลักษณะเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ

  • ความยาวตลอดลำ 90.50 เมตร กว้าง 13.50 เมตร
  • กินน้ำลึก 3.70 เมตร
  • ระวางขับน้ำเต็มที่ 1,969 ตัน
  • ความเร็วสูงสุด 23 นอต
  • รัศมีทำการที่ความเร็ว 15 นอต ได้ถึงระยะ 3,500 ไมล์ทะเล
  • อาวุธประจำเรือที่สำคัญ คือ ปืนขนาด 76 มิลลิเมตร แบบอัตโนมัติ และปืนขนาด 30 มิลลิเมตร แท่นเดี่ยว จำนวน 2 กระบอก
  • ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น ฮาร์พูน จำนวน 2 แท่น แท่นละ 4 ท่อ ยิงโดยเรือสามารถปฏิบัติการในทะเลเปิด ต่อเนื่องได้อย่างน้อย 14 วัน โดยไม่ต้องรับการส่งกำลังบำรุงและสามารถปฏิบัติการได้ในสภาวะทะเลระดับ SEA STATE 5

กรมเจ้าท่า ปรับลดอัตราค่าโดยสารเรือกลเดินประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล

     กรมเจ้าท่า อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 ของประกาศคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับเรือเดินประจำทาง ลงวันที่ 29 กันยายน 2559 ได้มีประกาศ เรื่องปรับปรุงอัตราค่าโดยสารเรือกลเดินประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกาศอัตราค่าโดยสารตามช่วงราคาน้ำมันดีเซล เนื่องจากราคาน้ำมันได้เปลี่ยนแปลงข้ามช่วงอยู่ในระหว่าง 21.01-25.00 บาท/ลิตร ติดต่อกัน 10 วัน กรมเจ้าท่า จึงประกาศปรับปรุงอัตราค่าโดยสารให้เป็นไปตามประกาศของคณะกรรมการฯ มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2560 เป็นต้นไป โดยใช้ราคาที่อยู่ในช่วงอัตราที่ 2 ราคาน้ำมันดีเซลอยู่ระหว่าง  21.01-25.00 บาท/ลิตร ดังนี้

เรือด่วนเจ้าพระยา

  1. เรือประจำทาง อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 8-10-12 (ตามระยะ) (บาท/คน)
  2. เรือด่วนพิเศษ ธงส้ม อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 14 (บาท/คน)
  3. เรือด่วนพิเศษ ธงเหลือง อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 19 (บาท/คน)
  4. เรือด่วนพิเศษ ธงเขียว อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 12-19-31 (ตามระยะ) (บาท/คน)

เรือโดยสารในคลองแสนแสบ อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 8-10-12-14-16-18 (ตามระยะ) (บาท/คน)

เรือโดยสารข้ามฟาก

  1. เรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มที่ 1 (นนทบุรี-บางศรีเมือง, ท่าช้าง-วังหลัง, ท่าช้าง-วัดระฆัง, วังหลัง-ท่าพระจันทร์เหนือ, วังหลัง-มหาราช และ ราชวงศ์-ดินแดง) อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 3 (บาท/คน)
  2. เรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มที่ 2 (โอเรียลเต็ล-วัดสุวรรณ และ ท่าเตียน-วัดอรุณ) อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 3.50 (บาท/คน
  3. เรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มที่ 3 (สี่พระยา-คลองสาน) อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 4(บาท/คน)
  4. เรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มที่ 4 (พระสมุทรเจดีย์-วิบูลย์ศรี และ สะพานตากสิน(สาทร) ฝั่งพระนคร-ฝั่งธนบุรี)อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 5(บาท/คน)
  5. เรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา กลุ่มที่ 5 (ปากคลองตลาด-วัดกัลยาณมิตร-วัดกุฎีจีน) อัตราค่าโดยสารไม่เกิน 5.50 (บาท/คน)

HULL ให้การต้อนรับและอนุเคาระห์เรือยอช์ท JellyFish

     บริษัท บริษัท ฮัล จำกัด agent เครื่องยนต์ Yanmar และ Suzuki ให้การต้อนรับและอนุเคาระห์เรือยอช์ท JellyFish ซึ่งเป็นเรือขนาด 36 ฟุต ท้องเดียว ใช้เครื่องยนต์ยันร์ม่า รุ่น 6LPA-STZP2 เครื่องคู่ พร้อมกับเกียร์ ZT370 ให้กับผู้บริหาร AMR และศิษย์เก่าพนัสพิทยาคาร ที่โอเชียนมารีน่า โดยได้พาชมเกาะลิง, เกาะครามน้อย, เกาะครามใหญ่ หากใครสนใจเครื่องยนต์ In-Board Yanmar สามารถติดต่อสอบถามได้ที่บริษัท ฮัล จำกัด โทร:0.38-238131-2 หรือ e-mail: info@hull.co.th

ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ รวมผู้บัญชาเหล่าทัพบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ผนึกกำลังการฝึกกองทัพเรือประจำปี2560

     เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2560 พลเอก สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาตรวจเยี่ยมการฝึกกองทัพเรือประจำปี 2560 บน เรือหลวงจักรีนฤเบศรบริเวณอ่าวไทยตอนบน

งานนิทรรศการยุทโธปกรณ์ทางเรือ (International Maritime Defence Exhibition Asia 2017 – IMDEX Asia 2017) และประชุมThe 5th International Maritime Security

     วันที่ 16 พฤษภาคม 2560  พลเรือเอกนริส ประทุมสุวรรณ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือเข้าร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการยุทโธปกรณ์ทางเรือ (International Maritime Defence Exhibition Asia 2017 – IMDEX Asia 2017) ร่วมกับผู้บัญชาการทหารเรือมิตรประเทศ 20 ประเทศ โดยมี Dr.Ng Eng Hen รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นประธานในพิธีเปิดฯ ณ Changi Exhibition Center ประเทศสาธารณรัฐสิงคโปร์ และเข้าร่วมฟังการสัมมนา The 5th International Maritime Security หัวข้อ “Safe and Secure Seas – A vision for a Maritime Region” โดยมี นาย Ong Ye Kung รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลามโหม เป็นประธานฯ เปิดการสัมมนาฯ และมีพลเรือตรี Lai Chung Han ผู้บัญชาการทหารเรือสิงคโปร์ กล่าวเนำการสัมมนา โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือจาก สหรัฐอเมริกา อังกฤษ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และอินเดีย ผู้ร่วมสัมมนาฯ ในครั้งนี้ด้วย

ท็อป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า จัดยิ่งใหญ่ปีที่ 13 พร้อมต้อนรับนักแล่นใบจากทั่วโลก

20 ชาติส่งเรือรบเต็มทะเล ฉลอง 50 ปีกองทัพเรือสิงคโปร์

     การแข่งขันเรือใบนานาชาติ ท็อป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า จัดยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 13 พร้อมต้อนรับนักแล่นใบกว่า 700 คน เรือใบกว่า 250 ลำ จากกว่า 25 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมการแข่งขัน ณ โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ จ.ชลบุรี ระหว่าง วันที่ 4-8 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยได้รับเกียรติจากคุณกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันอย่างเป็นทางการ

     ท็อป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า พรีเซ็นท์เต็ด บาย โอเชี่ยน มารีน่า เป็นการแข่งขันเรือใบที่มีเรือหลากหลายประเภทเข้าร่วมแข่งขันมากที่สุดในเอเชีย โอเชี่ยน มารีน่า ยอช์ท คลับ เป็นท่าจอดเรือยอช์ทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีศักยภาพในการจัดงานแข่งขันเรือใบขนาดใหญ่ ได้มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ตลอดจนมีการจัดการแข่งขันที่ได้มาตรฐาน นอกจากนั้น ในส่วนของกรมศุลกากรได้มีการปรับกฎระเบียบอนุญาตให้เรือต่างชาติสามารถแวะพักน่านน้ำพัทยาได้นานขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะส่งผลดีในอนาคตที่พัทยาจะได้ต้อนรับเรือจากนานาชาติมากขึ้นและดึงดูดเรือใบจากต่างประเทศมาร่วมแข่งขันรีกัตต้าในเมืองไทยได้มากขึ้น

     ท็อป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า เป็นการแข่งขันเรือใบที่มีชื่อเสียงในระดับเอเชีย ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการล่องเรือใบเดินทางมาจากประเทศต่างๆ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันเป็นจำนวนมาก โดยตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ได้ต้อนรับเรือใบรวมทั้งหมดกว่า 3,000 ลำ สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวและการกีฬาในระดับนานาชาติได้เป็นอย่างดี และล่าสุดได้ได้รับการโหวตให้ เป็น “Asian Regatta of the Year” จาก Asian Marine & Boating Awards 2014 และได้รับรางวัล Silver ประเภทกีฬาสมัครเล่นยอดเยี่ยมของไทย จาก SPIA 2016

การแข่งขันเรือใบท็อป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า มีการแข่งขันทั้งหมด 12 ประเภท อาทิ IRC เรซซิ่ง, IRC ครูซซิ่ง, เรือปลาทู (ชิงถ้วยพระราชทาน ปลาทู โคโรเนชั่น), โอเชี่ยน มัลติฮัลล์, เรือใบเดี่ยว, เรือใบคู่, เรืออ็อฟติมิสต์ (ชิงถ้วยรางวัล อ็อฟติมิสต์ชิงแชมป์ประเทศไทย) และ ไอโอเอม คลาส เรดิโอ คอนโทรล ยอช์ท (เรือใบบังคับวิทยุ) ซึ่งปีนี้

ท็อป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า นับเป็นแม็ทช์สำคัญของนักกีฬาเรือใบทีมชาติชุดซีเกมส์ที่จะต้องขับเคี่ยวกับคู่ต่อสู้สำคัญก่อนที่จะเตรียมฝึกซ้อมอย่างเข้มข้นสำหรับการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 29 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียในเดือนสิงหาคมนี้

สำหรับเรือใบขนาดใหญ่อย่างคีลโบ๊ท และมัลติฮัลล์ที่เข้าแข่งขันในปีนี้มีทั้งทีมเรือชั้นนำจากไทย และเอเชียเข้าร่วมแข่งขันอย่างคึกคัก การแข่งขันชิงถ้วยพระราชทาน ปลาทู โคโรเนชั่น มีเรือกว่า 15 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน อาทิ อังกฤษ ญี่ปุ่น รัสเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ส่วนการแข่งขันเรือดิงกี้ ไฮไลท์ประกอบด้วยเรือเลเซอร์ สแตนดาร์ด, เลเซอร์ เรเดียล, เลเซอร์ 4.7 และเรือใบคู่ ประเภท 420s และ 470s ซึ่งทางตัวเก็งที่น่าจับตามองคือ มาเลเซีย, สิงคโปร์ และไทย สำหรับการชิงถ้วยรางวัลอ็อฟติมิสต์ ชิงแชมป์ประเทศไทย คาดมีเรือใบมากกว่า 100 ลำเข้าร่วมการแข่งขันทั้งนี้จะเป็นแม็ทช์ใหญ่ก่อนตัวเก็งอย่างนักแล่นใบเยาวชนไทยจะลงแข่งขันเรือใบอ็อฟติมิสต์เวิลด์ในเดือนกรกฎาคมนี้

ท็อป ออฟ เดอะ กัฟ รีกัตต้า พรีเซ็นท์เต็ด บาย โอเชี่ยน มารีน่าโดยได้รับการสนับสนุนจากการกีฬาแห่งประเทศไทย, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาคมแข่งเรือใบแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์, เมืองพัทยา, สโมสรเรือใบราชวรุณ และกองทัพเรือไทย

Top of the Gulf Regatta 2017

20 ชาติส่งเรือรบเต็มทะเล ฉลอง 50 ปีกองทัพเรือสิงคโปร์

20 ชาติส่งเรือรบเต็มทะเล ฉลอง 50 ปีกองทัพเรือสิงคโปร์

     20 ประเทศพันธมิตรกับสิงคโปร์ ทั้ง จีน รัสเซีย ญี่ปุ่น และไทย ร่วมส่งเรือรบ เรือพิฆาต มายังสิงคโปร์ โชว์ความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของแสนยานุภาพทางทะเล ร่วมเฉลิมฉลองกองทัพเรือสิงคโปร์ ครบรอบ 50 ปี

     โดยกองทัพเรือจัดเรือหลวงจักรีนฤเบศร พร้อมเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบที่ 1 (S-70B) และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบที่ 2 (Bell 212) เรือหลวงนเรศวร และเรือหลวงสุโขทัย ร่วมกิจกรรมสวนสนามฯ ร่วมกับมิตรประเทศ 21 ประเทศ พร้อมเรือรบจำนวน 46 ลำ ในพิธีฯ กองทัพเรือได้จัดกำลังพลเข้าร่วมขบวนพาเหรด (Parade Review) กับมิตรประเทศ และจัดเรือหลวงจักรีนฤเบศร และเรือหลวงสุโขทัย ร่วมกับเรือรบมิตรประเทศ เป็นเรือที่จอดบริเวณท่าเรือ (Land Review) ในการทำความเคารพเมื่อขบวนรถประธานฯ และผู้บังคับบัญชาของกองทัพเรือมิตรประเทศผ่าน พร้อมทั้งจัดเรือหลวงนเรศวรร่วมสวนสนามทางเรือฯ บริเวณทะเลจีนใต้ ร่วมกับเรือรบมิตรประเทศ

     ซึ่งการสวนสนามทางเรือฯ จะแยกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ RSS Formidable นำหมู่เรือรบของอินเดีย อินโดนีเซีย เมียนมา และศรีลังกา จากฝั่งช่องแคบมะละกา ส่วนในฝั่งทะเลจีนใต้มีเรือฟริเกต RSS Stalwart นำหมู่เรือรบของแคนาดา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ ไทย สหรัฐฯ และเวียดนาม กับเรือฟริเกต RSS Supreme นำหมู่เรือรบของออสเตรเลีย บังกลาเทศ บรูไน จีน อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ และรัสเซีย โดยมี นายโทนี ตัน เค็ง ยัม ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสิงคโปร์เป็นประธานในพิธีฯ และพลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ และผู้แทนกองทัพเรือจากมิตรประเทศจะขึ้นเรือ RSS Independence ซึ่งเป็นเรือรับการทำความเคารพผ่านจากขบวนเรือที่ทำการสวนสนามทางเรือนานาชาติ

2017-05-16_007
NjpUs24nCQKx5e1BavdtgeYMpVxJaMvJwjUPWv8GRjt

เปลี่ยนโฉมเรือขนสินค้ารุ่นดึกเป็นเรือ “ซูเปอร์ยอช์ท” 62 ล้านดอลล์

     โลกกำลังจะได้รู้จักกับเรือยอช์ทสุดหรูตระการตาที่สร้างจากอดีตเรือขนส่งสินค้ายักษ์ขนาด 270 ฟุต ผลงานการดีไซน์ใหม่หรูหราทำให้เรือ Kilkea สามารถเป็นพาหนะที่เดินทางรอบโลกได้พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกนานหลายสัปดาห์ ขณะนี้เรือกำลังสร้างอยู่ที่อู่ต่อเรือในประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทนอร์เวย์เป็นเจ้าของ

     สุดยอดเรือยอช์ทลำใหม่ของโลกมูลค่า 62 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ  2.1 พันล้านบาทนี้ถูกตั้งชื่อว่าคิลเคีย (Kilkea) เป็นเรือสำราญที่สร้างจากการนำเรือขนส่งสินค้าเก่าแก่ซึ่งมีรูปแบบเรือเรียกว่า Vard 1/08 มาปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ ด้วยความที่เรือลำนี้เคยถูกใช้ขนส่งสินค้าสู่แท่นเจาะน้ำมัน ทำให้เรือมีโครงสร้างห้องเก็บสินค้าขนาดใหญ่ และสามารถแล่นได้นานต่อเนื่องมากกว่า 30 วัน

     เรือลำนี้มีห้องมากพอสำหรับผู้โดยสาร 36 คน ด้านหลังของเรือมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ โครงเหล็กตัวเรือมีความยาวมากกว่า 268 ฟุต สามารถแล่นได้ด้วยความเร็วสูงสุด 15.4 น็อต (knot)

     ผู้รับหน้าที่ออกแบบปรับโฉมเรือหรูนี้คือบริษัท Bannenberg & Rowell Design ซึ่งใช้วิธีเพิ่มจำนวนชั้น ทำให้สามารถใส่สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งสระว่ายน้ำ รวมถึงสนามฟุตบอลได้อย่างยืดหยุ่น

     เช่นเดียวกับเรือยอช์ทรุ่นใหม่ เรือ Kilkea จะมีเทคโนโลยีนำทางทั้งระบบระบุพิกัดแบบไดนามิกซึ่งทำให้เรือยอชต์สามารถกำหนดเป้าหมายผ่านจีพีเอส (GPS) และแบบควบคุมได้เองซึ่งสามารถทำผ่านจอยสติก (joystick) เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมเรือ ทั้งหมดนี้เรือ Kilkea จะถูกสร้างโดยบริษัท Shackleton Superyachts & International Shipbuilders เริ่มดำเนินการสร้างแล้วเมื่อปี 2016 ที่ผ่านมา

ราคาเรือยอช์ทไม่ธรรมดาลำนี้คือ 62 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2,110 ล้านบาท เหมาะสำหรับคนที่ชอบการเดินทางแบบไม่ธรรมดา

มอบนโยบายในการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง (Port In – Port Out : PIPO)

มอบนโยบายในการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า-ออกเรือประมง (Port In – Port Out : PIPO)

     พลเรือเอก นริส ประทุมสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) มอบนโยบายในการปฏิบัติงานของศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออกเรือประมง (Port In – Port Out : PIPO) ให้แก่ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ทั้ง 3 เขต รวมถึงหัวหน้าศูนย์ PIPO ในทุกพื้นที่ ณ ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ภายในกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

     สำหรับนโยบายที่มอบให้แก่ศูนย์ PIPO ในครั้งนี้ ได้มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานให้ศูนย์ PIPO ที่ประกอบด้วยหน่วยงาน กรมประมง เจ้าท่า และแรงงาน มาทำงานร่วมกันอย่างบูรณการมากขึ้น รวมทั้งได้มีการปรับจำนวนศูนย์ให้เหมาะสมกับจำนวนเรือเข้า – ออกเพิ่มความรวดเร็วในการบริการจัดเจ้าหน้าที่ล่ามเพิ่มขึ้นและสัมภาษณ์แรงงานให้ไม่ถูกบังคับในการใช้แรงงาน ทั้งนี้การดำเนินการของ ศปมผ.ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและตั้งใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย เพื่อยกระดับให้การพัฒนากิจการประมงของไทยเกิดความยั่งยืน อันเป็นการสร้างกลไกในการตรวจสอบและการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานทางทะเล รวมถึงการกำกับดูแลด้านแรงงานในภาคประมงให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และหลักสิทธิมนุษยชน เป็นที่ยอมรับของสากล ส่งเสริมการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

ทช. จับมือผู้ว่าประจวบฯ ดูแลระบบนิเวศทางทะเล กรณีปลาฉลามที่เขาเต่า

ปลาฉลามที่เขาเต่า

ทช. จับมือผู้ว่าประจวบฯ ดูแลระบบนิเวศทางทะเล กรณีปลาฉลามที่เขาเต่า

นายโสภณ ทองดี รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ลงพื้นที่ตรวจสอบและประชุมกำหนดมาตรการและเกิดเหตุ ร่วมกับผู้ว่าราชการ จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายกเทศมนตรีหัวหิน หัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจในพื้นที่ กรณีฉลามกัดนักท่องเที่ยวที่หาดเขาเต่า ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองหัวหิน ที่ประชุมมีมติให้ร่วมกันปฎิบัติ คือ

  1. ให้เทศบาลเมืองหัวหิน อ.หัวหิน ติดตั้งป้ายประกาศ ๓ ภาษา (ไทย อังกฤษและจีน) เตือนนักท่องเที่ยว และขอความร่วมมือโรงแรมและผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์ถึงบริเวณพื้นที่ชายฝั่งที่ปลาฉลามหัวบาตรเข้ามาหากินโดยทั่วกัน
  2. กรม ทช. เสนอรูปแบบการติดตั้งตาข่าย พร้อมทุ่นแนวเขตการเล่นน้ำ โดยให้เทศบาลเมืองหัวหิน เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการและค่าใช้จ่าย และให้จัดทำโครงการมาตรการรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยว เพื่อไม่รบกวนระบบนิเวศทางทะเลของสัตว์ทะเล
  3. ให้อำเภอและเทศบาล ติดประกาศห้ามลงเล่นน้ำทะเลบริเวณหาดทรายน้อย บ้านเขาเต่า อ.หัวหิน เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะติดตั้งตาข่าย พร้อมทุ่นแนวเขตเล่นน้ำทะเลจะแล้วเสร็จ
  4. จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะออกคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคประชาชนที่ผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรกู้ภัยทางทะเลฯ ให้จัดตั้งชุดปฎิบัติการเฝ้าระวังการเผชิญเหตุอุบัติภัยทางทะเลและอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยว จนกว่าจะติดตั้งตาข่ายพร้อมทุ่นแนวเขตแล้วเสร็จ โดย กรม ทช. จะจัดเจ้าหน้าที่พร้อมเรือมาสนับสนุน
  5. กรม ทช. จะได้จัดส่งทีมนักวิชาการ มาศึกษาจำนวน ชนิด ขนาด และพฤติกรรมในการดำรงชีพของฝูงปลาฉลามหัวบาตรกลุ่มนี้ เพื่อจะได้นำผลการศึกษาไปจัดทำแผนงาน ในการดูแลรักษาความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่ไม่กระทบกับระบบนิเวศของสัตว์ทะเลในระยะยาวอย่างยั่งยืนต่อไป
  6. ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการโรงแรมธุรกิจการท่องเที่ยว และร้านค้าร้านอาหาร ให้ข้อมูลแก่นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการ ให้ทราบถึงข้อควรระวัง และการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด